EU ลั่นพร้อมสู้! ขึ้นภาษี 30% ตอบโต้ทรัมป์ หากดีลล่มก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.

24 กรกฎาคม 2568
EU ลั่นพร้อมสู้! ขึ้นภาษี 30% ตอบโต้ทรัมป์ หากดีลล่มก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.

EU เตรียมขึ้นภาษี 30% สินค้าตอบโต้สหรัฐฯ มูลค่า แสนล้านยูโร หากโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ยอมเจรจาก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.นี้

สถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับสหภาพยุโรป (EU) กำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ หลังจากที่ทรัมป์ประกาศจะเก็บภาษีสินค้าส่งออกจาก EU สูงถึง 30% โดยให้เส้นตายไว้จนถึงวันที่ 1 สิงหาคมนี้ หากการเจรจายังไม่คืบหน้า ทำให้สหภาพยุโรปต้องเตรียมมาตรการตอบโต้ที่รุนแรงไม่แพ้กัน และอาจลุกลามกลายเป็นสงครามการค้าเต็มรูปแบบ

รายงานจาก Bloomberg และ Financial Times ระบุว่า สหภาพยุโรปเตรียมเรียกเก็บภาษีตอบโต้สูงถึง 30% กับสินค้าจากสหรัฐฯ รวมมูลค่าประมาณ 117,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 100,000 ล้านยูโร หากไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้นภายในเส้นตายดังกล่าว โดยจะผนวกรายการสินค้าที่ได้รับการอนุมัติแล้วมูลค่า 24,570 ล้านดอลลาร์ (21,000 ล้านยูโร) เข้ากับรายการสินค้ารอบใหม่อีก 84,400 ล้านดอลลาร์ (72,000 ล้านยูโร) เป็นแพ็กเกจเดียว เพื่อให้พร้อมบังคับใช้ทันที

สินค้าอเมริกันที่จะโดนผลกระทบจากมาตรการนี้มีทั้งเครื่องบินจาก Boeing รถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐฯ และเหล้าวิสกี้บูร์บอง ซึ่งล้วนเป็นสินค้าสำคัญจากรัฐที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ถือเป็นการจงใจเจาะจุดอ่อนทางการเมืองของทรัมป์อย่างชัดเจน

จุดเริ่มต้นของความตึงเครียดนี้มาจากการที่รัฐบาลทรัมป์กลับมาใช้นโยบายภาษีเป็นเครื่องมือกดดันทางเศรษฐกิจอย่างจริงจังตั้งแต่ต้นปี 2025 โดยได้เก็บภาษี 25% กับสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก และขยายวงไปยังจีน สหภาพยุโรป และชาติพันธมิตรอื่นๆ ครอบคลุมตั้งแต่เหล็ก อะลูมิเนียม ไปจนถึงรถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และเซมิคอนดักเตอร์ โดยมีอัตราสูงสุดถึง 30% ในบางกลุ่มสินค้า นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเก็บภาษีพื้นฐาน 10% กับสินค้านำเข้าจากทั่วโลก และกำหนดภาษีเฉพาะกับสินค้าจาก EU สูงถึง 20% และขู่ว่าจะเพิ่มเป็น 30% ภายในวันที่ 1 สิงหาคม หากไม่สามารถตกลงกันได้

ล่าสุด รัฐบาล EU นำโดยเยอรมนีและฝรั่งเศส ได้เดินเกมรุก เตรียมใช้กลไก "Anti-Coercion Instrument (ACI)" ซึ่งเปรียบเสมือนอาวุธทางการค้าหนักหน่วงที่สุดของกลุ่ม โดยมีอำนาจสั่งห้ามบริษัทอเมริกันเข้าร่วมประมูลภาครัฐในยุโรป ยกเลิกการคุ้มครองสิทธิบัตร และจำกัดการนำเข้า-ส่งออกกับบริษัทสหรัฐฯ

แม้สถานการณ์จะตึงเครียด แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงเปิดโต๊ะเจรจาอย่างต่อเนื่อง โดยมีข่าวว่ากำลังใกล้บรรลุข้อตกลงภาษีใหม่ที่อัตรา 15% ซึ่งจะใช้กับสินค้าจากทั้งสองฝ่าย เป็นการยึดตามข้อตกลงล่าสุดที่สหรัฐฯ ทำไว้กับญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอาจจำใจยอมรับข้อตกลงนี้ แม้จะไม่เต็มใจนัก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดภาวะสงครามการค้าเต็มรูปแบบ ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าสถานการณ์ยังไม่แน่นอนและอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ฟากยุโรปเองก็เริ่มมีแรงกดดันจากภาคธุรกิจมากขึ้น เช่น บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า Husqvarna ของสวีเดนเริ่มปรับโครงสร้างซัพพลายเชน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากต้นทุนภาษีที่จะพุ่งสูงขึ้น ขณะที่ Deutsche Bank รายงานว่า บริษัทสหรัฐฯ ต้องแบกรับต้นทุนภาษีส่วนใหญ่ไว้เอง ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาสินค้าผู้บริโภคในช่วงปลายปี

ด้านการเมืองในยุโรปก็เริ่มร้อนแรงเช่นกัน ผู้นำหลายชาติ เช่น อูร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ โดนัลด์ ทัสก์ ต่างเรียกร้องความเป็นหนึ่งเดียวกันและความพร้อมในการตอบโต้ ขณะที่บางประเทศเริ่มมีท่าทีประนีประนอม โดยพิจารณาลดภาษีรถยนต์เพื่อลดแรงปะทะ

 


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.